เมนู

ปัญหาวาระ


อนุโลมนัย


1. เหตุปัจจัย


[565] 1. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ
เหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นคันถธรรม เป็นปัจจัยแก่คันถะที่เป็นสัมปยุตต-
ธรรมทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
9 วาระ พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าวมาแล้ว.

2. อารัมมณปัจจัย


[566] 1. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม เป็น
ปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจของ
อารัมมณปัจจัย

คือ เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
พึงถามถึงมูล (วาระที่ 2)
เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิยธรรม
แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมเกิดขึ้น.
พึงถามถึงมูล (วาระที่ 3)

เพราะปรารภคันถธรรมทั้งหลาย คันถธรรมและสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ย่อมเกิดขึ้น.
4. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม
เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วย
อํานาจของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกกรรม ฯลฯ แล้วพิจารณา
ซึ่งกุศลกรรมนั้น.
กุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ ฌาน ฯลฯ
พระอริยะทั้งหลาย พิจารณาโคตรภู, พิจารณาโวทาน, พิจารณากิเลส
ที่ละแล้ว ฯลฯ พิจารณากิเลสที่ข่มแล้ว, รู้ซึ่งกิเลสทั้งหลายที่เคยเกิดขึ้นแล้ว
ในกาลก่อน.
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นคันถนิย-
ธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อม
เกิดขึ้น.
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.
ทั้งหมด พึงให้พิสดาร.
ฯลฯ เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
5. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม
เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม ด้วยอำนาจ
ของอารัมมณปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ กระทำอุโบสถกรรม ฯลฯ แล้ว
ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่งซึ่งกุศลกรรมนั้น เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น
ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ โทมนัส ย่อม
เกิดขึ้น.
พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน.
ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน.
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น
คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ
ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น ราคะ ย่อมเกิดขึ้น ทิฏฐิ ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
6. ธรรมที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม
เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถนิยธรรม และธรรม
ที่เป็นคันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ด้วยอำนาจของอารัมมณ-
ปัจจัย

คือ บุคคลให้ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ อุโบสถกรรม ฯลฯ
พิจารณากุศลกรรมทั้งหลายที่เคยสั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ
ออกจากฌานแล้ว พิจารณาฌาน ฯลฯ
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น
คันถนิยธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ
ปรารภจักษุเป็นต้นนั้น คันถธรรม และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.

3 วาระ แม้นอกนี้ (วาระที่ 7-8-9) พึงให้พิสดารอย่างที่กล่าว
มาแล้ว พึงกระทำ เพราะปรารภ.
ในทุกะนี้ โลกุตตระไม่มี เหมือนกับคันถทุกะ ไม่มีแตกต่างกัน พึง
กําหนดคำว่า คันถนิยะ.
ในมัคคปัจจัย พึงกระทำ 9 วาระ.
คันถคันถนิยทุกะ จบ

30. คันถคันถสัมปยุตตทุกะ


ปฏิจจวาระ


อนุโลมนัย


1. เหตุปัจจัย


[567] 1. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม
อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ อาศัยสีลัพพตปรามาสกายคันถะ, สีลัพพต-
ปรามาสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ, อภิชฌากายคันถะ อาศัย
อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ, อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ อาศัยอภิชฌากายคันถะ.
2. ธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถ-
ธรรม อาศัยธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น
เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยคันถธรรมทั้งหลาย.
3. ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรม และคันถสัมปยุตตธรรม
และธรรมที่เป็นคันถสัมปยุตตธรรม แต่ไม่ใช่คันถธรรม อาศัย
ธรรมที่เป็นทั้งคันถธรรมและคันถสัมปยุตตธรรม เกิดขึ้น เพราะเหตุ
ปัจจัย

คือ อภิชฌากายคันถะ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย อาศัยสีลัพพต-
ปรามาสกายคันถะ.